E-Donation “ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์” สายบุญรุ่นใหม่ควรรู้ ถ้าคิดจะลดหย่อนภาษีปีหน้า
เมื่อไม่นานมานี้ มีการเปิดตัวโครงการ E-Donation หรือ ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันการเงิน ร่วมกับบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ ผู้ดูแลระบบพร้อมเพย์ กรมสรรพากร และ ธนาคารแห่งประเทศไทย
วัตถุประสงค์หลักของ E-Donation เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริจาค ที่บริจาคเงินผ่าน “หน่วยรับบริจาค” ได้แก่ ศาสนสถาน สถานศึกษา โรงพยาบาล และองค์กรสาธารณกุศล สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
ผู้เสียภาษีไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาคมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพราะกรมสรรพากรมีข้อมูลการบริจาคอยู่แล้ว ตรวจสอบได้ผ่าน เว็บไซต์กรมสรรพากร http://edonation.rd.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง และได้รับคืนเงินภาษีเร็วขึ้น
ส่วนหน่วยรับบริจาค มีประโยชน์ตรงที่ ไม่ต้องจัดทำหลักฐานการบริจาคเป็นกระดาษ และไม่ต้องจัดเก็บสำเนาหลักฐานการบริจาค ถ้าผู้บริจาคอยากได้ “ใบรับเงินบริจาค” หน่วยรับบริจาคที่บันทึกข้อมูลแล้ว สามารถสั่งพิมพ์ได้ทันที
นอกจากลดค่าใช้จ่ายในการจัดทำหลักฐานการรับเงินแล้ว ยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริจาคได้อีกด้วย
การเปิดตัวในวันนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย เน้นให้บริจาคผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ระบบการชำระเงินที่ใช้ได้กับแอปพลิเคชั่นทุกธนาคาร
โดยมี 5 ธนาคาร 5 แอปพลิเคชั่น ที่ให้บริการแล้ววันนี้ ได้แก่ Bualuang mBanking ธนาคารกรุงเทพ, KTB Netbank ธนาคารกรุงไทย, SCB Easy ธนาคารไทยพาณิชย์, TMB Touch ธนาคารทีเอ็มบี และ MyMo ธนาคารออมสิน
ส่วนการรับบริจาคสถาบันการเงิน แม้จะมีบางธนาคารประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะตามวัดต่างๆ แต่มีอยู่ 2 ธนาคารที่ทำระบบ E-Donation และประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารทีเอ็มบี
ธนาคารกรุงไทย เริ่มทดลองโครงการ “เป๋าตุง เติมบุญ” โดยรับเงินบริจาคผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด สแกนผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารใดก็ได้ แต่สำหรับผู้ใช้ KTB Netbank สามารถรับใบอนุโมทนาอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที
ปัจจุบันใช้ชื่อโครงการ “กรุงไทย เติมบุญ” เป็นธนาคารแรกและธนาคารเดียว ที่สามารถออกใบอนุโมทนาบุญอิเล็กทรอนิกส์ทางอีเมลได้ทันที โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม มีหน่วยงานรับบริจาคที่ใช้บริการมากที่สุด กว่า 4,200 แห่งทั่วประเทศ
ธนาคารทีเอ็มบี เปิดเว็บไซต์ “ปันบุญ” www.punboon.org รวบรวมองค์กรสาธารณกุศล และโครงการเพื่อสังคมทั่วประเทศ โดยรับชำระผ่านทางพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด ในอนาคตจะรับชำระผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต และ Rabbit LINE Pay
จากการทดลองระบบคิวอาร์โค้ดของทั้งสองธนาคาร พบว่า รูปแบบการให้บริการคิวอาร์โค้ดของทั้งสองธนาคารแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่รูปแบบไม่ต่างกัน
ธนาคารกรุงไทย เริ่มทดลองโครงการ “เป๋าตุง เติมบุญ” โดยรับเงินบริจาคผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด สแกนผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารใดก็ได้ แต่สำหรับผู้ใช้ KTB Netbank สามารถรับใบอนุโมทนาอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที
ปัจจุบันใช้ชื่อโครงการ “กรุงไทย เติมบุญ” เป็นธนาคารแรกและธนาคารเดียว ที่สามารถออกใบอนุโมทนาบุญอิเล็กทรอนิกส์ทางอีเมลได้ทันที โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม มีหน่วยงานรับบริจาคที่ใช้บริการมากที่สุด กว่า 4,200 แห่งทั่วประเทศ
ธนาคารทีเอ็มบี เปิดเว็บไซต์ “ปันบุญ” www.punboon.org รวบรวมองค์กรสาธารณกุศล และโครงการเพื่อสังคมทั่วประเทศ โดยรับชำระผ่านทางพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด ในอนาคตจะรับชำระผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต และ Rabbit LINE Pay
จากการทดลองระบบคิวอาร์โค้ดของทั้งสองธนาคาร พบว่า รูปแบบการให้บริการคิวอาร์โค้ดของทั้งสองธนาคารแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่รูปแบบไม่ต่างกัน
ธนาคารกรุงไทย จะมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ รหัส E-Wallet ของบริการเป๋าตุงกรุงไทย (ขึ้นต้นด้วย 006) กับ รหัสคิวอาร์โค้ดระบบ E-Donation “เป๋าตุง เติมบุญ” โดยมีเลขประจำตัวหน่วยรับบริจาค และเลขที่บัตรประชาชน เป็นรหัสอ้างอิง
หากเป็นรหัส E-Wallet ของบริการเป๋าตุงกรุงไทย ถ้าใช้แอปพลิเคชั่น KTB Netbank สแกนคิวอาร์โค้ด ระบบจะแจ้งเตือน “บริการบริจาคอิเล็กทรอนิกส์” โดยมีตัวเลือกระหว่าง “ใช้สิทธิลดหย่อน” กับ “ไม่ใช้สิทธิลดหย่อน”
โดยผู้ใช้แอปพลิเคชั่น KTB Netbank ถ้ากรอกอีเมลในขั้นตอนการบริจาค ก็จะมีบริการออก “ใบรับเงินบริจาค/ใบอนุโมทนา” ส่งให้ผ่านทางอีเมลอีกด้วย
หากเป็นรหัส E-Wallet ของบริการเป๋าตุงกรุงไทย ถ้าใช้แอปพลิเคชั่น KTB Netbank สแกนคิวอาร์โค้ด ระบบจะแจ้งเตือน “บริการบริจาคอิเล็กทรอนิกส์” โดยมีตัวเลือกระหว่าง “ใช้สิทธิลดหย่อน” กับ “ไม่ใช้สิทธิลดหย่อน”
โดยผู้ใช้แอปพลิเคชั่น KTB Netbank ถ้ากรอกอีเมลในขั้นตอนการบริจาค ก็จะมีบริการออก “ใบรับเงินบริจาค/ใบอนุโมทนา” ส่งให้ผ่านทางอีเมลอีกด้วย
ะบบ E-Donation เป็นเรื่องใหม่สำหรับสายบุญ ระยะแรกในการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2561 ที่จะมีขึ้นในปีหน้า (2562) กรมสรรพากรยังคงให้นำหลักฐานการบริจาคในรูปแบบกระดาษมาขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
หากในอนาคตมีการขึ้นทะเบียนหน่วยรับบริจาคที่ใช้ระบบ E-Donation เป็นส่วนใหญ่แล้ว ต่อไปเวลายื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อาจจะให้ใช้เฉพาะข้อมูลการบริจาคที่กรมสรรพากรได้รับในช่วงที่ผ่านมาเท่านั้น
คงต้องให้เวลาสายบุญได้ปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างน้อยการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้หน่วยรับบริจาค
เงินที่บริจาคจะได้เข้าวัด โรงเรียน โรงพยาบาล มูลนิธิต่างๆ แบบไม่ต้องมี “เงินทอน” อย่างแท้จริง
หากในอนาคตมีการขึ้นทะเบียนหน่วยรับบริจาคที่ใช้ระบบ E-Donation เป็นส่วนใหญ่แล้ว ต่อไปเวลายื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อาจจะให้ใช้เฉพาะข้อมูลการบริจาคที่กรมสรรพากรได้รับในช่วงที่ผ่านมาเท่านั้น
คงต้องให้เวลาสายบุญได้ปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างน้อยการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้หน่วยรับบริจาค
เงินที่บริจาคจะได้เข้าวัด โรงเรียน โรงพยาบาล มูลนิธิต่างๆ แบบไม่ต้องมี “เงินทอน” อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น