การทำวัตรสวดมนต์ คือ


การทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็นเป็นธรรมเนียมเลียน แบบมาแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งพระสงฆ์จะเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าเพื่อฟังโอวาทเป็นกิจวัตรประจำ


การทำวัตร ในสมัยครั้งพุทธกาลเป็นอย่างหนึ่ง การทำวัตรในสมัยปัจจุบันเป็นอีกอย่างหนึ่ง  คือ การกระทำวัตรตามพระวินัยบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ เช่น  อุปัชฌายวัตร   อาจาริยวัตร    อาวาสิกวัตร    อาคันตุกวัตร เป็นต้น   ซึ่งหมายถึง หน้าที่ที่พึงกระทำต่อกันในสังคมของพระภิกษุ   แต่ในยุคปัจจุบันส่วนมากมิได้กระทำวัตรดังกล่าวแล้ว    มีเพียงการสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย  และพระสูตรบางสูตรเท่านั้น
  จุดประสงค์ของการทำวัตรของพระภิกษุ คือ เพื่อความเจริญขึ้นของกุศลและปัญญา ละกิเลส และเพื่อความอยู่กันด้วยดีของหมู่สงฆ์ เป็นสำคัญ


๑. เป็นพุทธานุสติ เพราะการทำวัตร เราต้องทำในโบสถ์ต่อหน้าพระประธานอยู่แล้ว

๒.เป็นธัมมานุสติ สิ่งที่เราสวดมนต์ทำวัตร ก็คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า

๓. เป็นสังฆานุสติ ยึดถือและปฏิบัติตามแนวที่ครูบาอาจารย์กระทำมา

๔. เป็นการควบคุมกาย วาจา ใจของเราให้อยู่ในกรอบ ไม่สามารถกระทำความชั่วได้ คือ คนเราจะทำชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ สามประการด้วยกัน การที่เรานั่งทำวัตรอยู่ต่อหน้าพระ กายทำชั่วไม่ได้ เพราะนั่งอยู่ตรงนั้น พนมมืออีกต่างหาก วาจาก็พูดชั่วไม่ได้ เพราะสวดมนต์อยู่ ก็เหลือแต่ใจที่อาจจะคิดชั่วได้ ก็แปลว่าเราได้กำไรไปสองในสามเป็นอย่างน้อย

๕. ถ้าหากเรามีความคล่องตัวในการทรงสมาธิ สิ่งที่เราทำวัตรทั้งหมด คือ คำภาวนา

๖. ถ้าหากเรานึกถึงคำสวดมนต์ทำวัตร เป็นตัวอักษรเฉพาะหน้าของเราได้ เท่ากับเราฝึกทิพจักขุญาณไปในตัว เห็นตัวหนังสือได้ชัดเจนเท่าไร ก็เห็นผีเทวดาได้ชัดเจนเท่านั้น

๗. คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น ถ้าเราแปลออก น้อมใจปฏิบัติตามไป จะได้ผลมหาศาลอย่างที่คิดไม่ถึง

๘. ถ้าได้มโนมยิทธิ ยกใจขึ้นไปสวดบนพระนิพพานเลย ตายเมื่อไรก็อยู่บนนั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อานิสงส์การสร้างโบสถ์ วิหาร

การเทศน์คาถาพัน

การเทศน์มหาชาติ คือ อะไร